นวดดีอย่างไร?

การนวดเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยคลายเครียดคลายปวดเมื่อยได้ดีซึ่งคนส่วนใหญ่มักนิยมเข้าร้านนวดแผนไทยหรือสปาแต่สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลามากนักการนวดบำบัดด้วยตัวเองก็ทำได้เช่นกันไม่ได้ยากอย่างที่คิดและสามารถทำได้ทุกเวลาตามแต่ความต้องการ

1.ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดเมื่อยต่างๆ   

2.ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตภายในร่างกาย  ทำให้มีเลือดไปหล่อเลี้ยงผิวหนัง ช่วยให้ผิวพรรณสดใสเต่งตึง 

3.ช่วยในการทำงานของระบบทางเดินอาหาร อันได้แก่ กระเพาะอาหารและลำไส้  ทำให้เจริญอาหาร แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อีกทั้งยังช่วยให้การขับถ่ายเป็นระบบ 

4.ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด ทำให้รู้สึกสดชื่นแจ่มใส  

นอกจากประโยชน์ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว การนวดยังช่วยเรื่องการรักษาอาการเจ็บป่วยที่เกิดจากเส้นเอ็น เลือด ลม   เช่น    การบำบัดอาการป่วยเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ภาวะข้ออักเสบ ยึดตึงแข็ง หรือเคลื่อน แก้ไขการผิดปกติของกระดูกและกล้ามเนื้อ หลังโก่ง กระดูกคด ไหล่เอียง ฯลฯนวดนวดนวดดีอย่างไร

นวดน้ำมันดีอย่างไร

นวดน้ำมันช่วยอะไร

💭 บรรเทาอาการปวด เมื่อย ล้า สะสมจาการทำงานที่แสนเหนื่อย
💭 กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท
💭 กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด
💭 ช่วยผลัดเซลล์ที่ตายแล้ว ทำให้ผิวเรียบเนียนชุ่มชื้น
💭 ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อ


“นวดน้ำมัน” หนึ่งในศาสตร์การนวดผ่อนคลายที่ชาวมนุษย์เงินเดือนหลายคนต้องเคยได้ยินหรือได้เห็นกันมาบ้าง แต่อาจจะยังไม่เคยลองใช้บริการ และมีความสงสัยว่าต่างจากนวดแผนไทยอย่างไร ประโยชน์ของนวดน้ำมันมีอะไรบ้าง วันนี้เรามาหาคำตอบกัน

นวดน้ำมัน คืออะไร

นวดน้ำมัน (Oil massage) คือหนึ่งในรูปแบบของการนวดที่มีให้เลือกมากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น นวดแผนโบราณ นวดเพื่อสุขภาพ นวดคลายเครียด ซึ่งนวดน้ำมันจัดอยู่ในกลุ่มของการนวดคลายเครียด เป็นทางเลือกที่หนุ่มสาวชาวออฟฟิศมักใช้ผ่อนคลายจากการทำงานเป็นเวลานาน

แม้ว่า นวดน้ำมัน จะเป็นการใช้มือนวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกายคล้ายกับการนวดแผนไทย แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ การนวดน้ำมันจะไม่ใช้แรงกดที่มากเท่ากับการนวดแผนไทย ที่เป็นการนวดเพื่อสุขภาพหรือเพื่อการรักษา เช่น ปวดคอ ปวดหลัง ปวดบ่า ปวดสะโพก ปวดขา เป็นต้น

ขณะที่นวดน้ำมันจะเป็นการนวดเพื่อความผ่อนคลายความตึงเครียด โดยใช้น้ำมันหอมระเหยทาทั่วบริเวณลำตัวเพื่อให้เกิดความลื่นมือและมอบสัมผัสที่นุ่มนวล เบาสบายกว่าการนวดแผนไทย รวมทั้งยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น และช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ผ่อนคลายอารมณ์ ซึ่งทำให้ผู้ถูกนวดรู้สึกสดชื่นได้ด้วย

ข้อดีของการนวดน้ำมัน

การนวดน้ำมันนอกจากจะช่วยผ่อนคลายแล้ว ยังช่วยรักษาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อต่างๆ ได้ด้วย เช่น

  • มนุษย์เงินเดือน คนทำงานออฟฟิศหรือทำงานฟรีแลนซ์ที่ต้องนั่งทำงานนานๆ มักมีอาการออฟฟิศซินโดรม ปวดตึงกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ หลัง
  • ผู้ที่มีอาการที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกาย เคลื่อนไหวผิดท่า
  • ผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง กล้ามเนื้อแข็งเกร็งมาก ซึ่งมีอาการสะสมมาเป็นระยะเวลานาน เช่น ปวดศีรษะ (ไมเกรน) รองช้ำ มือชา เท้าชา นิ้วชา นิ้วล็อก เป็นต้น

สรรพคุณทางการรักษาของการนวดน้ำมัน ได้แก่

  • กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ลดความตึงเครียด ผ่อนคลายจากความเมื่อยล้า
  • กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดให้มีประสิทธิภาพ จึงช่วยให้เลือดนำออกซิเจน และสารอาหารไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น
  • ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบน้ำเหลือง
  • ช่วยให้กล้ามเนื้อไม่แข็งตึง คลายพังผืดใต้ผิวหนัง เพิ่มความยืดหยุ่นให้ร่างกาย เกิดการฟื้นฟูระบบกล้ามเนื้อ และข้อต่อต่างๆ ให้ทำงานได้ดีขึ้น
  • ช่วยบรรเทาอาการปวด ตึง เมื่อยล้า หลังจากการทำงาน และอาการบาดเจ็บหลังจากออกกำลังกาย

ข้อควรระวังในการนวดน้ำมัน

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถนวดน้ำมันได้ เพราะมีข้อจำกัดสำหรับคนบางกลุ่มด้วยเช่นกัน ได้แก่

  1. ผู้มีผิวแพ้ง่าย เพราะน้ำมันหอมระเหยอาจไปกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ ทำให้เป็นตุ่มแดงหรือเกิดผื่นคันได้ ถ้าอยากนวดน้ำมันควรเลือกน้ำมันที่ไร้สี ไร้กลิ่น ไม่ใช่น้ำมันหอมระเหย เพื่อป้องกันอาการแพ้ แต่ยังมีสรรพคุณไม่ต่างกัน
  2. ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น มีภาวะเลือดออกผิดปกติ การติดเชื้อ โรคผิวหนัง ลิ่มเลือดอุดตัน มีบาดแผล แผลไฟไหม้ กระดูกหัก โรคกระดูกพรุนรุนแรง เกล็ดเลือดต่ำ
  3. ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการนวดน้ำมัน เนื่องจาก น้ำมันหอมระเหยบางชนิด เช่น น้ำมันหอมระเหยจากโหระพา พาร์สลีย์ ต้นเบิร์ช (Birch) หากสูดดมเข้าไปในปริมาณมากอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ และการนวดยังอาจกดทับหรือกระทบกระเทือนทารกในครรภ์ได้

นอกจากนี้ก่อนจะนวดน้ำมัน ควรเลือกสถานประกอบการที่มีใบประกอบวิชาชีพ โดยกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กำหนดไว้ว่าการนวดไทยในสถานพยาบาลภาครัฐ เอกชน และสถานบริการ สถานประกอบการ จะต้องมีป้ายผู้ขออนุญาตแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน รวมทั้งยังต้องมีการคัดกรอง และจัดทำทะเบียนประวัติผู้ใช้บริการ พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญประกอบวิชาชีพคอยกำกับดูแลระหว่างให้บริการด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอันตรายได้มากขึ้น

อ้างอิงข้อมูล: สมาคมแพทย์อายุรเวทแผนไทยประยุกต์ แห่งประเทศไทย